เพิ่มระยะไดร์ฟแบบมือ pro

เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมามีผลงานวิจัยจากชายคนหนึ่ง ชื่อ Broadie เจ้าของหนังสือ every shot counts ได้พูดถึงความสำคัญอย่างหนึ่งที่น่าสนใจอย่างมาก เกี่ยวกับเรื่องของระยะการไดร์ฟ ระยะไดร์ฟนั้นถูกจัดเป็นปัจจัยหนึ่งที่สัมพันธ์กับความสำเร็จในกีฬากอล์ฟ แปลว่าใช่ครับ !! หากคุณอยากยกระดับการเล่นของคุณไปอีกขั้น คุณจำเป็นที่ต้องตีให้ได้ระยะเพียงพอที่จะไปแข่งขันกับคนอื่น หลายคนพยายามปฏิเสธมันไป แต่แล้วในที่สุดคุณไม่สามารถหนีความจริงไปได้เลยครับ แรง !! 555+ จริงๆ แล้วผมคิดว่ามันคงไม่แตกต่างอะไรกับชายคนหนึ่งที่เดินบุ่มบ่ามเข้าไปในสนามรบด้วยความมั่นใจกับปืนพกหนึ่งกระบอก แต่ด้วยความที่ไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อนว่าเขาใช้อาวุธอะไรกัน คงไม่ต้องเล่าต่อว่าฉากต่อไปจะเป็นไปอย่างไรครับ... 

คำถามตั้นต้น ไดร์ฟให้ไกลขึ้นต้องทำอย่างไร ?? ...คำตอบนั้นมีหลากหลาย เช่น ต้องใช้กล้ามเนื้อใหญ่ตี ตีให้แรง สแน๊ป ใช้แรงจากพื้น เปลี่ยนเป็นไม้หน้าเด้ง เปลี่ยนก้าน ที่หนักไปกว่านั้น คือ ไม่รู้ก็แค่ตีๆไปเหอะ !!(สายเวทมนต์)... เอ้อ งงแล้วมันจะไปไกลขึ้นได้ไง 555+

ก่อนอื่นสิ่งอื่นใดนั้นคุณจำเป็นที่ต้องรู้ก่อนเลยครับว่า หลักๆนั้นปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลกับระยะไดร์ฟ

1. Club head speed คือ ความเร็วหัวไม้

2. Ball speed คือ ความเร็วของลูกกอล์ฟ

3. Smash factor คือ ค่าที่บ่งบอกถึงคุณภาพการอิมแพค (ตำแหน่งที่หน้าไม้เข้ากระทำกับลูกกอล์ฟ) 

(Credit : Pete Fontaine/WireImage/Getty Images)

พูดง่ายๆๆ คือ หากคุณสามารถตีลูกโดนในจุดกึ่งกลาง sweet spot ได้พอดี

ค่านี้ยิ่งมากยิ่งดีครับ ค่าเฉลี่ยที่นักกอล์ฟ pga tour และ lpga tour ทำได้ คือ 1.48

โดยค่าตัวเลข smash นี้สามารถคำนวณหาได้จากสูตรง่ายๆ ดังนี้ โดยนำผลลัพธ์ความเร็วของลูกและความเร็วหัวไม้ที่เราทำได้มาหารกัน

สำหรับผมแล้วมัน คือ อัตราส่วนของความคุ้มค่าที่เราลงทุนออกแรงไป ว่าทุกๆความเร็วหัวไม้ 1 mph ที่เราทำได้นั้นมันส่งไปให้ลูกได้ผลลัพธ์ออกมาดีแค่ไหน 

  

4. Lauch angle คือ มุมที่ลูกกอล์ฟเหินขึ้นออกไปในอากาศ

5. Spin rate  คือ อัตราการหมุนของลูกกอล์ฟ

ถ้าหากปัจจัยทั้ง 5 นี้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม แน่นอนครับว่าระยะของคุณจะไกลอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย 

เรามาเริ่มต้นไปด้วยกันทีละขั้นตอนกันเลยดีกว่าครับ 

STEP 1 • สร้างจุดที่เหมาะสมระหว่าง ความเร็วหัวไม้ และ ความสม่ำเสมอในการอิมแพค 

ปัจจุบันเราเห็นนักกอล์ฟตีไกลระดับ world long drive นั้นทำความเร็วหัวไม้ได้มากถึง 140 mph เอาเป็นว่าเร็วกว่าความเร็วลูกกอล์ฟที่คนส่วนใหญ่ตีออกไปอีกครับ แน่นอนอย่างยิ่งเลยครับว่า ความเร็วของหัวไม้นั้นเป็นหนึ่งตัวแปรที่สำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับระยะ แต่ด้วยเพียงความเร็วของหัวไม้นั้นยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ยังมีปัจจัยอื่นที่สำคัญอยู่อีกครับ ลองมาศึกษาดูในเคสตัวอย่างนี้กันครับ 

ถ้าหากลองเปรียบเทียบในเคสตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ว่าลูกที่ 2 นั้นสามารถทำระยะได้ 204 หลา ไกลกว่าลูกที่ 1 ที่ทำได้ 196 หลา 

ไกลกว่า 8 หลา ทั้งๆที่ถ้าหากลองดูที่ตัวแปรที่ 1 ความเร็วหัวไม้นั้นเร็วกว่าเห็นๆ ถึง 4mph (โดยปกติ 1mph = ~3yards)

อ้าวๆๆ แต่ทำไมระยะกับน้อยกว่าล่ะ !! ...อย่าลืมไปครับว่ามีอีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญเช่นกัน 

ลองไปดูอีกหนึ่งตัวแปรกันครับ ตัวแปรที่ 2 Smash factor (ค่าบ่งบอกว่าตีโดนกลางไม้ดีแต่ไหน) ยิ่งค่ามากยิ่งดีแปลว่าตีโดนเต็มกลางหน้าไม้ครับ

จะเห็นได้ว่าลูกที่ 2 นั้นทำค่า smash factor ได้ที่ 1.50 แต่ลูกที่ 1 นั้นทำได้เพียง 1.40 ครับ

จากตัวอย่างนี้ ทำให้เรารู้ว่าระยะจะออกไปได้ดีที่สุด ด้วยความเหมาะสมระหว่างสปีดไม้ และ คุณภาพของการอิมแพคครับ 

แต่ท้ายที่สุดแล้วอย่าลืมไปนะครับว่าปัญหาของคนเรานั้นก็ล้วนต่างกันออกไปครับ บางคนอาจจะตีโดนกลางหน้าไม้ได้แม่นยำอยู่แล้ว แต่ขาดสปีดไม้ครับ ดังนั้น สำหรับผมแล้วการวิเคราะห์ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญอย่างยิ่งครับ เพื่อหาสาเหตุให้ได้จริงๆ ว่าที่จริงแน่แท้ คือ อะไรกัน ?? ..สำหรับการปรับเปลี่ยนนั้นสามารถทำได้ 2 แบบ ดังนี้ครับ

 

METHOD 1 : ปรับเทคนิคการตี

ถ้าหากสนใจการปรับเปลี่ยนที่เทคนิค เบื้องต้นในขั้นแรกนั้นต้องหาให้ได้ก่อนครับว่าสาเหตุของปัญหา คือ อะไร ? ..ทำไมลูกลอยออกไปทำระยะสูงสุดไม่ได้ 

 BALL FLIGHT : ไฟล์ลูกต่ำ หรือ สูงเกินไป, อัตราสปินน้อยไป หรือ มากไป

           ↓

 IMPACT FACTOR ความเร็วหัวไม้ไม่มากพอ หรือ ตีอิมแพคผิดมุม(มุมการเข้าปะทะ, องศาหน้าไม้) เพื่อที่จะได้หาแนวทางการปรับได้เหมาะสมครับ (ถ้าข้อนี้มาหาผมเลยครับ 555+)

 METHOD 2 : ปรับเปลี่ยนไม้กอล์ฟ

ถ้าหากสนใจที่อุปกรณ์ก็เช่นกันครับ ใช้หลักการวิเคราะห์เดียวกัน โดยตรวจเช็คดูก่อนว่าสาเหตุของปัญหานักกอล์ฟคนนั้น คือ อะไร ? ..ทำไมลูกลอยออกไปทำระยะสูงสุดไม่ได้ ? ..ไฟล์ลูกต่ำ หรือ สูงเกินไป, อัตราสปินน้อยไป หรือ มากไป แต่วิธีการจะไม่ได้ปรับเปลี่ยนที่เทคนิควงสวิง แต่จะปรับเปลี่ยนที่อุปกรณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น 

ยกตัวอย่าง สมมุติถ้าหากนักกอล์ฟ A ทำความเร็วหัวไม้ได้ไม่มากพอ แต่ smash ดีมากอยู่แล้ว ดังนั้น โจทย์นี้ คือ ต้องเพิ่มความเร็วหัวไม้ และโดยปกติแล้วสามารถทำได้หลากหลายวิธีครับ เช่น ลดน้ำหนักรวมของไม้ลง แต่เขาก็ต้องเลือกดูให้เหมาะสมอีกครับ เพราะหากเบาจนเกินไปก็ส่งผลต่อการควบคุมครับ หรือ เพิ่มความยาวของก้านไม้ครับ โดยตามหลักการแล้วความยาว 1 นิ้วนั้น คือ 7-8 หลา ถ้าหากตีโดนกลางหน้าไม้เหมือนเดิม ทั้งนี้ทั้งนั้น fitter หรือนักฟิตติ้งไม้จะเป็นคนแนะนำหาไม้ที่ดีที่สุดให้กับวงสวิงของคุณครับ ไม่ว่าจะเป็นชนิดของหัวไม้, ลอฟท์, สเป็คของก้าน(ระดับความแข็งอ่อน, จุดดีดตัวของก้าน) มันก็คงไม่แตกต่างอะไรกับการตัดสูทให้เหมาะสมกับสรีระของเราครับ

ยิ่งถ้าทำควบคู่กันไปยิ่งเห็นผลดีครับ เมื่อสวิง เทคนิคดี + ไม้ที่เหมาะสม = ระยะดีที่สุด

 

STEP 2 • ตีเสยขึ้น

ย้อนเวลากลับไปในปี 2008 ในยุคสมัยที่ Tiger Woods ยังรุ่งเรืองอยู่ ในปีนั้นสถิติระยะไดร์ฟที่ tiger ทำได้นั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 294 หลา และ J.B. Holmes ทำได้ 310 หลา ไกลกว่า 16 หลา ตอนนั้นผมงงมากครับว่าทำไม เพราะ ดูจากข้อมูลของเขาทั้งคู่มี club head speed และ ball speed ที่เท่าๆกัน คำถาม คือ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?? คำตอบ คือ J.B. ตีเสยขึ้นมากกว่า tiger นั้นเองครับ                                                                                                                  ที่นี่เราลองมาดูกันที่ chart ตารางด้านล่างนี้ที่ชวนทำเอาสายตาของเราลายกันบ้างครับ 

(Credit : golf science by Mark f.smith, Trackman golf)

ตารางนี้ใช้เป็น reference ครับ สำหรับตารางด้านบนสำหรับคนเน้นทำระยะแครี่ หรือ จุดตกให้ไกลมาก และ สำหรับตารางด้านล่าง เน้นระยะรวม(วิ่งมาก)  

โดยสมมุติฐานนี้มีปัจจัยทางเทคนิค 3 ตัวคงที่ คือ

1. ตีโดนเต็มกลางหน้าไม้  

2. ก้านดีดตัว ช่วยเพิ่มลอฟท์หรือองศาหน้าไม้ขึ้น 1.5 องศา 

3. นักกอล์ฟสวิงด้วยเทคนิค ที่ไม่ไปช่วยเพิ่มลอฟท์องศาหน้าไม้ที่อิมแพค 

ถ้าสังเกตใน chart ช่อง attack angle -(5, Level, +5) แปลเป็นไทย คือ มุมการเข้าปะทะ (กดลง -5 องศา, ตีราบกับพื้น 0 องศา, ตีเสยขึ้น +5)

(credit : golf magazine)

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าจะสปีดไหนก็ตาม การตีเสยขึ้นนั้นทำให้ได้ระยะไกลที่สุด คำถามทำไมถึงไกลขึ้น ?? 

ลูกที่สามารถลอยออกไปแล้วทำระยะได้มากที่สุดนั้น คือ concept ที่ว่า "HIGH LAUNCH LOW SPIN"  >> วิถีลูกเหินสูง ด้วยสปินที่ต่ำ 

ผมเคยอ่านเจอบทความใน magazine เล่มหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า 

"I had been a low-launch, low-trajectory player, and when i changed to positive angle of attack, I pickd up 20 plus yards." Jeff Sluman (PGA Tour player)

หมายความว่า ผมเคยตีลูกต่ำ แต่หลังจากที่ผมปรับให้ตีเสยขึ้น ผมได้ระยะเพิ่มขึ้นทันที 20 หลา 

แต่การที่จะทำให้ลูกลอยออกไปสูงได้แบบตามคอนเซ็ปท์ที่ว่านั้นแน่นอนครับว่า ต้องตีได้มุมเสยขึ้น แต่โจทย์ต่อมา คือ ทำอย่างไรล่ะไม่ให้สปินเยอะ ?? คำตอบสุดท้าย คือ ตีแบบเสยขึ้น + องศาหน้าไม้ที่พอดี (ห้ามเพิ่มลอฟท์)

มาลองดูตัวอย่างที่ ความเร็วหัวไม้ 90 ที่ตารางด้านล่าง total distance หากเขาตีมุมปะทะ(attack angle) -5 องศากดลงพื้น ลูกจะมีโอกาสลอยออกไปต่ำมากครับ ดังนั้น เพื่อที่จะทำให้ลูกลอยขึ้นได้ 10 องศา เขาจำเป็นที่ต้องใช้ไดร์ฟเวอร์ที่มีองศาโดยประมาณ 14.5 องศา (แล้วมันจะมีไหมนั้น 555+) เขาถึงจะทำระยะได้ 231 หลา แต่ผลเสีย คือ อัตราสปินของลูกมากจนเกินไป 3100 rpm ทำให้เขายังไม่สามารถทำระยะสูงสุดได้ครับ 

แต่กลับกันหากเขาเปลี่ยนเป็นตีเสยขึ้น +5 องศา เขาสามารถเลือกใช้ไม้ที่มีองศาน้อยลงได้ โดยประมาณ 9 องศา ด้วยการผสมผสานของ 1. มุมปะทะที่เสยขึ้น + 2. องศาหน้าไม้ที่พอดี ทำให้ลูกลอยออกไปได้สูงถึง 14 องศา ด้วยอัตราสปินลูกเพียง 2000 เท่านั้น

ทำให้ได้ระยะไกลกว่าแบบเดิม ที่ตีมุมปะทะกดลง + องหน้าไม้ที่มาก ...แครี่ไกลกว่าถึง 22 หลา และระยะรวมถึง 28 หลา 

สรุปแล้วหากคุณอยากตีไกลแบบสุดขีดความสามารถนั้นคุณต้องมีส่วนผสมของ 4 อย่างที่ลงตัว                                                                                                                                                                              

1. ความเร็วหัวไม้ (ที่มากพอ) 

2. มุมการเข้าอิมแพค (ตีมุมปะทะเสยขึ้น + ลอฟท์หน้าไม้ที่พอดี) 

3. การตีโดนในจุดที่หน้าไม้สแควร์และโดนกี่งกลางของหน้าไม้ได้สม่ำเสมอ

4. เลือกใช้ไม้ที่เหมาะสม 

#โปรไนซ์

โพสล่าสุด

Our sponsor

  • Phone:
    +6690-972-7998

© Copyright 2017 Pronice.com by RSKDesigner.com